เครือข่ายเพื่อโรงเรียนไทยหรือสคูลเน็ต เป็นเครือข่ายที่มีจำนวนผู้ใช้ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีโรงเรียนเชื่อมต่ออยู่บนเครือข่ายนี้มากกว่า หนึ่งพันโรงเรียน ผู้ใช้ส่วนใหญ่เป็นครูและนักเรียน และใช้ประโยชน์เพื่อการ ศึกษาเป็นสำคัญ ถึงแม้ว่า เครือข่ายสคูลเน็ตจะเชื่อมโยงเข้าสู่อินเทอร์เน็ตและ เรียกค้นข้อมูลจากทั่วโลกได้แล้วก็ตาม แต่ปัญหาที่พบคือ มีข้อมูลหรือเนื้อหา ที่ใช้ประโยชน์กับครูและนักเรียนโดยตรงได้น้อย อีกทั้งยังเป็นภาษาต่าง ประเทศ ทำให้เกิดความเข้าใจได้ยาก และการเรียกใช้ข้อมูลได้ค่อนข้างช้า ส่วนใหญ่ข้อมูลที่ใช้มักเป็นเรื่องความสนุกเพลิดพลินนับเป็นปัญหาหนึ่งที่จะ มีผลต่อเด็กและเยาวชนได้แก่ การแพร่ซึมวัฒนธรรมจากต่างชาติ
hongsi.blogspot.com
วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554
วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554
วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554
รายชื่อเว็บบล๊อกนักเรียนท่าม่าน
ชั้นม.1
1.ด.ช.คฤหาสน์ จันตา
2.ด.ช.วัชพงษ์ กล้าหาญ
3.ด.ช.อภิสิทธิ รอบครอบ
ชั้นม.2
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7
8.
9.
10.
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.
19.
20
21.
22.
23.
24.
ชั้นม.3
1. ด.ช.ดำรงค์ศักดิ์ ตามล .......blogger.com/
1.ด.ช.คฤหาสน์ จันตา
2.ด.ช.วัชพงษ์ กล้าหาญ
3.ด.ช.อภิสิทธิ รอบครอบ
ชั้นม.2
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7
8.
9.
10.
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.
19.
20
21.
22.
23.
24.
ชั้นม.3
1. ด.ช.ดำรงค์ศักดิ์ ตามล .......blogger.com/
วันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2554
กีฬากลุ่มโรงเรียนเชียงม่วน ระดับอำเภอ 54
กลุ่มโรงเรียนเชียงม่วนจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนประจำปี 2554
ระหว่าง11-14 มกราคม 2554 ณ โรงเรียนบ้านท่าฟ้าใต้
มีโรงเรียนเข้าแข่งขัน
1. โรงเรียนบ้านท่าฟ้าใต้
2.โรงเรียนบ้านท่าฟ้าเหนือ
3.โรงเรียนบ้านทุ่งหนอง
4.โรงเรียนบ้านทุ่งมอก
5.โรงเรียนบ้านสระ
6.โรงเรียนบ้านนาบัว
7.โรงเรียนบ้านบ่อเบี้ย
8.โรงเรียนบ้านปงสนุก
9.โรงเรียนบ้านท่าม่าน
10.โรงเรียนบ้านอนุบาลเชียงม่วน
11.โรงเรียนบ้านไชยสถาน
12.โรงเรียนบ้านหล่ายทุ่ง
13.โรงเรียนชุมชนบ้านหลวง
ระหว่าง11-14 มกราคม 2554 ณ โรงเรียนบ้านท่าฟ้าใต้
มีโรงเรียนเข้าแข่งขัน
1. โรงเรียนบ้านท่าฟ้าใต้
2.โรงเรียนบ้านท่าฟ้าเหนือ
3.โรงเรียนบ้านทุ่งหนอง
4.โรงเรียนบ้านทุ่งมอก
5.โรงเรียนบ้านสระ
6.โรงเรียนบ้านนาบัว
7.โรงเรียนบ้านบ่อเบี้ย
8.โรงเรียนบ้านปงสนุก
9.โรงเรียนบ้านท่าม่าน
10.โรงเรียนบ้านอนุบาลเชียงม่วน
11.โรงเรียนบ้านไชยสถาน
12.โรงเรียนบ้านหล่ายทุ่ง
13.โรงเรียนชุมชนบ้านหลวง
วันศุกร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2554
วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553
ซอฟแวร์ CAI
คอมพิวเตอร์ช่วยสอน(Computer Assisted Instruction)
หรือที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า CAI จะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผู้ที่อยู่ในวงการการศึกษาเพราะปัจจุบันมีผู้สนใจศึกษาและพัฒนา โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนกันเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ระดับโรงเรียนจนถึงระดับมหาวิทยาลัยตลอดจนหน่วยงานต่างๆ บริษัทคอมพิวเตอร์ หลายแห่งได้มีการลงทุนพัฒนาในเรื่องนี้ นอกจากนี้ยังมีผลงานวิจัยอีกจำนวนมากที่ทำการศึกษาวิจัย และพัฒนาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ในการประชุมวิชาการเรื่อง การนำเสนอคอมพิวเตอร์ไปใช้ในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์" ซึ่งสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จัดเป็นประจำทุกปี ได้พบว่ามีผู้สนใจเข้าร่วมประชุมและเสนอผลงานอย่างมากมาย จึงเป็นนิมิตหมายอันดีสำหรับวงการการศึกษาที่จะมีการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อีกรูปแบบหนึ่ง คือคอมพิวเตอร์
นักการศึกษาพยายามที่จะนำคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมาใช้เป็นสื่อในการเรียนการสอน (Instructional Computing Material) การพัฒนาสื่อการสอนคอมพิวเตอร์นี้ส่วนใหญ่เน้นที่การจัดทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI Software) การทำงานโดยใช้โปรแกรมควบคุม ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถเป็นสื่อการสอน ที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าสื่อการสอนประเภทอื่นๆ การพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน มีลักษณะใกล้เคียงกับการพัฒนาสื่อการสอนทั่วไป คือมีขั้นตอนในการพัฒนาเพื่อให้ผลงานที่ได้ตรงกับจุดประสงค์ที่ตั้งไว้และคุ้มค่าใช้จ่ายที่ลงทุน
ปัจจุบันในประเทศไทยถึงแม้ว่าจะมีการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนจำนวนมากแต่เนื้อหายังซ้ำๆ และวนเวียนอยู่ในเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ ปัญหาสำคัญคือ คุณภาพของโปรแกรมไม่ดีเท่าที่ควร จึงไม่สามารถประยุกต์ใช้แบบต่อเนื่องในการเรียนการสอนสาเหตุใหญ่ที่ทำให้โปรแกรม ไม่มีคุณภาพ คือ ขาดการวางแผนขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรม ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญควรแก้ไขโดยเร่งด่วน
ดังนั้นบทความนี้จึงจะกล่าวถึงขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่จะเป็นแนวทางอันหนึ่ง ในการวางแผน และเตรียมการในการเขียนและปรับปรุงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
หรือที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า CAI จะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผู้ที่อยู่ในวงการการศึกษาเพราะปัจจุบันมีผู้สนใจศึกษาและพัฒนา โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนกันเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ระดับโรงเรียนจนถึงระดับมหาวิทยาลัยตลอดจนหน่วยงานต่างๆ บริษัทคอมพิวเตอร์ หลายแห่งได้มีการลงทุนพัฒนาในเรื่องนี้ นอกจากนี้ยังมีผลงานวิจัยอีกจำนวนมากที่ทำการศึกษาวิจัย และพัฒนาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ในการประชุมวิชาการเรื่อง การนำเสนอคอมพิวเตอร์ไปใช้ในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์" ซึ่งสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จัดเป็นประจำทุกปี ได้พบว่ามีผู้สนใจเข้าร่วมประชุมและเสนอผลงานอย่างมากมาย จึงเป็นนิมิตหมายอันดีสำหรับวงการการศึกษาที่จะมีการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อีกรูปแบบหนึ่ง คือคอมพิวเตอร์
นักการศึกษาพยายามที่จะนำคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมาใช้เป็นสื่อในการเรียนการสอน (Instructional Computing Material) การพัฒนาสื่อการสอนคอมพิวเตอร์นี้ส่วนใหญ่เน้นที่การจัดทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI Software) การทำงานโดยใช้โปรแกรมควบคุม ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถเป็นสื่อการสอน ที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าสื่อการสอนประเภทอื่นๆ การพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน มีลักษณะใกล้เคียงกับการพัฒนาสื่อการสอนทั่วไป คือมีขั้นตอนในการพัฒนาเพื่อให้ผลงานที่ได้ตรงกับจุดประสงค์ที่ตั้งไว้และคุ้มค่าใช้จ่ายที่ลงทุน
ปัจจุบันในประเทศไทยถึงแม้ว่าจะมีการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนจำนวนมากแต่เนื้อหายังซ้ำๆ และวนเวียนอยู่ในเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ ปัญหาสำคัญคือ คุณภาพของโปรแกรมไม่ดีเท่าที่ควร จึงไม่สามารถประยุกต์ใช้แบบต่อเนื่องในการเรียนการสอนสาเหตุใหญ่ที่ทำให้โปรแกรม ไม่มีคุณภาพ คือ ขาดการวางแผนขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรม ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญควรแก้ไขโดยเร่งด่วน
ดังนั้นบทความนี้จึงจะกล่าวถึงขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่จะเป็นแนวทางอันหนึ่ง ในการวางแผน และเตรียมการในการเขียนและปรับปรุงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)